ภัยพิบัติน้ำท่วม
น้ำท่วม เป็นภัยพิบัติที่ส่งผลกระทบต่อทรัพย์สินของเราอย่างรุนแรง หนึ่งในทรัพย์สินที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ รถยนต์ เมื่อรถยนต์จมน้ำ จะส่งผลเสียต่อระบบต่างๆ ภายในรถอย่างมาก หากไม่ดูแลอย่างถูกวิธี อาจนำไปสู่ปัญหาที่ตามมาได้มากมาย
ข้อควรปฏิบัติ กรณีรถน้ำท่วม
- ให้ถอดขั้วแบตเตอร์รี่ทันทีที่รถเข้าอู่
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก และน้ำมันพาวเวอร์ทันที
- ทำความสะอาดภายในห้องเครื่องทั้งหมด
- ถอดกรองอากาศออกมาตรวจสอบว่ามีน้ำอยู่หรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าอาจมีน้ำเข้าไปยังชุดท่อรวมไอดีได้ ไม่ควรที่จะทำการสตาร์ทเครื่องยนต์เพราะอาจมีน้ำเข้าไปในห้องเผาไหม้และจะทำให้ก้านสูบคดได้
- ให้ถอดหัวเทียน (เครื่องเบนซิน) หรือหัวฉีด (เครื่องดีเซล) ออกมาทุกสูบเพื่อทำการสตาร์ทไล่น้ำออกจากห้องเผาไหม้
- ถอดล้างทำความสะอาดกล่องฟิวส์ กล่องควบคุมเครื่อง (ECU) กล่อง Air Bag กล่องเกียร์ (ถ้ามี) และให้ถอดปลั๊กไฟออกมาฉีดน้ำยาไล่ความชื้น ตามขั้วปลั๊กทั้งหมด
- ทำความสะอาดภายในรถ ทำความสะอาดเบาะแล้วตากในร่ม (ห้ามตากแดด)
- ถอดทำความสะอาดตู้แอร์ คอยล์เย็นแอร์ และถอดทำความสะอาดแผงนวมหน้าปัทม์มาตรวัดต่างๆในเรือนไมล์
- ทำความสะอาดและตรวจสอบไดชาร์จ และมอเตอร์สตาร์ท
- ถอดทำความสะอาดและตรวจสอบชุดลูกรอกสายพานไทร์มิ่งต่างๆ
- ถอดทำความสะอาดฝ้าหลังคา
- ถอดทำความสะอาดและตรวจสอบระบบเบรคทั้ง 4 ล้อ
เกียร์ออโต้
ตรวจสอบน้ำมันเกียร์ว่ามีน้ำปะปนในน้ำมันเกียร์หรือไม่ น้ำมันเกียร์ที่มีน้ำปนอยู่จะมีลักษณะคล้ายโยเกิร์ตสตรอเบอร์รี่ ถ้าพบให้อู่ดำเนินการถอดเกียร์ออกจากเครื่องและให้นำทอร์คคอนเวเตอร์เอามาคว่ำแล้วล้างโดยการใส่น้ำมันเบนซินเข้าไปแล้วหมุมทอร์คตามเข็มนาฬิกา ทำประมาณ 2-3 ครั้ง ส่วนตัวเกียร์ให้ทำการผ่าแล้วล้างทำความสะอาดและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ และน้ำมันเฟืองท้าย
เกียร์ธรรมดา หรือเกียร์กระปุก
ถอดหัวหมูออกแล้วทำความสะอาดชุดคลัทช์ และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์และน้ำมันเฟืองท้าย
การสังเกตว่ามีน้ำเข้าเครื่องยนต์
สังเกตจากสีของน้ำมันเครื่อง หรือน้ำมันเกียร์ ถ้ามีน้ำสีจะเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่นเหมือนสีนม
ขอบคุณข้อมูลจาก วิริยะประกันภัย
จำนวนคนดู :
401