เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ ไขข้อสงสัยกี่ปีควรเปลี่ยน

เปลี่ยนแบตรถยนต์

เลือกหัวข้อที่อยากอ่าน

การเกิดเหตุให้รถเสียกลางทาง คงเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีใครอยากเจอเท่าไหร่ อย่างการที่รถหยุดกลางทาง สตาร์ทไม่ติด จนต้องเรียกประกันภัยรถยนต์ อาจมีเหตุมาจากแบตเตอรี่รถยนต์ ทำให้ก่อนจะต้องใช้รถทุกครั้งเจ้าของรถควรตรวจดูสภาพรถให้พร้อม ก่อนใช้งานเพื่อจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์รถเสียกลางทางอีก ผู้ใช้รถจึงต้องรู้ว่าควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์เมื่อไหร่ อาการที่ที่บ่งชี้ว่าควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์คืออะไรบ้าง

ไขข้อสงสัยแบตเตอรี่รถยนต์ใช้ได้กี่ปี

แบตเตอรี่รถยนต์ถือเป็นส่วนที่ผู้ใช้รถยนต์ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว แบตเตอรี่รถยนต์จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 1.5 – 2 ปี หากมีการใช้รถอยู่ตลอด และไม่จอดทิ้งไว้นาน ๆ เพราะการจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสภาพได้เร็วขึ้นได้เช่นกัน

เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์

รวมอาการที่บ่งชี้ว่าควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์

ในบทความนี้เรามีข้อบ่งชี้ที่จะทำให้ผู้ใช้รถทราบว่า ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์เมื่อไหร่ เพื่อให้การใช้งานรถยนต์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เกิดเหตุการณ์รถดับกลางทาง จะมีอาการแบบไหนบ้าง ผู้ใช้รถสามารถสังเกตได้ดังนี้

1. รถยนต์สตาร์ทติดยาก

อาการที่ผู้ใช้รถสังเกตุได้ง่าย ๆ คือ รถยนต์สตาร์ทติดยากกว่าปกติ เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์เสียงมอเตอร์สตาร์ทจะหมุนช้าเหมือนไม่มีแรง และสตาร์ทไม่ติด อาจไม่ได้มีสาเหตุมาจาก แบตเตอรี่รถยนต์อย่างเดียว แต่อาจมาจากปัญหาไดชาร์จได้ ซึ่งอย่างแรกควรลองพ่วงชาร์จเพื่อสตาร์ทรถดูก่อน ถ้าเครื่องติดจนใช้งานได้ หลังดับเครื่องยนต์ไม่นาน แล้วกลับมาสตาร์ทติด แปลว่าไดชาร์จไม่มีปัญหา แต่หากจอดรถเอาไว้นานแล้วรถสตาร์ทติดยาก หรือไม่ติดเลย แสดงว่าแบตเตอรี่รถยนต์เริ่มเสื่อมสภาพ จึงควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ใหม่เพื่อให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ

2. ไฟหน้ารถไม่ค่อยสว่าง

ผู้ใช้รถอาจจะสังเกตได้โดย ลองดูไฟหน้ารถในที่มืด หรือตอนกลางคืนดู ว่าไฟหน้ารถไม่ค่อยสว่างเหมือนปกติรึเปล่า หากไม่สว่างเหมือนปกติอาจเป็นเพราะระบบไฟฟ้าภายในรถกำลังอ่อน อาจมีสาเหตุมาจากแบตเตอรี่รถยนต์เริ่มเสื่อมสภาพแล้วนั่นเอง ผู้ใช้รถจึงควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ได้แล้ว

3. ระบบไฟฟ้าทำงานผิดปกติ

ระบบไฟฟ้าทำงานผิดปกติสามารถสังเกตได้จาก เครื่องเสียง วิทยุ กระจกไฟฟ้า หากรู้สึกว่าสิ่งที่เป็นระบบไฟฟ้า หรือสิ่งที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเกิดอาการ กะพริบ ติด ๆ ดับ ๆ หรือทำงานได้ช้าลง อาจเป็นสาเหตุมาจากการเสื่อมของแบตเตอรี่รถยนต์นั่นเอง ผู้ใช้รถจึงควรทำการ เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ได้แล้ว เพื่อให้การใช้งานระบบไฟฟ้าต่าง ๆ กลับมาทำงานได้อย่างปกติ

4. สีตาแมวเปลี่ยนไป

อีกวิธีที่ผู้ใช้รถสามารถสังเกตได้ว่าควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ เมื่อไหร่ คือการดูที่ตาแมวของแบตเตอรี่นั่นเอง ตาแมวแบตเตอรี่ คือ อุปกรณ์ที่ใช้วัดโวลท์ และสามารถวัดได้แค่กระแสไฟ เท่านั้นไม่สามารถวัดแรงสตาร์ทของแบตเตอรี่รถยนต์ได้ โดยตาแมวจะติดมากับแบตเตอรี่รถยนต์หลาย ๆ ประเภท ตาแมวทุกประเภทจะมีหลักการดูที่เหมือนกัน ต่างกันแค่สีของแต่ละยี่ห้อ ซึ่งสามารถสังเกตวิธีดูได้จากสติ๊กเกอร์ที่ติดมากับแบตเตอรี่รถยนต์นั้น ๆ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้ใช้รถสามารถสังเกตเป็นแนวทางได้ว่าควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์เมื่อไหร่

5. อายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์เกิน 18 เดือน

ผู้ใช้รถควรต้องรู้ว่ามีการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์มานานเท่าไหร่แล้ว หากมีการใช้รถยนต์มาสักระยะแล้ว อาจต้องวางแผนสำหรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ได้แล้ว เพราะอายุการใช้งานอาจกำลังเริ่มหมด และมีอาการต่าง ๆ ที่สังเกตได้แบบที่กล่าวมา ก็สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ได้เลย

เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์

สรุปแล้ว อย่ารอให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมก่อนสาย

การดูแลรักษา และหมั่นตรวจเช็กสภาพรถเป็นสิ่งที่ผู้ใช้รถควรทำเป็นประจำ เพื่อให้ใช้รถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่เกิดอุบัติเหตุอื่น ๆ ตามมาได้ ซึ่งการรู้ว่าแบตเตอรี่รถยนต์ใช้ได้กี่ปี มีอายุใช้งานเท่าไหร่ หรือควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์เมื่อไหร่ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก ผู้ใช้รถไม่ควรปล่อยให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมก่อนจะสาย หากไม่รีบเปลี่ยนแบตอาจจะทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้ ซึ่งสามารถสังเกตอาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมได้ตามข้อที่กล่าวมาเบื้องต้น สำหรับรถยนต์ของ honda เช็คระยะและเช็คสภาพแบตเตอรี่ ได้ที่ ศูนย์ honda