น้ำท่วม ภัยธรรมชาติที่มาโดยไม่ทันตั้งตัว ส่งผลกระทบรุนแรงต่อทรัพย์สินมีค่า โดยเฉพาะรถยนต์ซึ่งมีมูลค่าสูง การทำประกันรถยนต์จึงเป็นทางเลือกที่ดี ช่วยบรรเทาภาระทางการเงินหากเกิดความเสียหายจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เป็นเกราะป้องกันทางการเงินที่ช่วยให้อุ่นใจได้แม้ในยามวิกฤติ
ประกันภัยรถยนต์ คุ้มครองภัยน้ำท่วม ความแตกต่างกัน?
สำหรับประกันรถยนต์ชั้น 1 มักให้ความคุ้มครองครอบคลุมภัยธรรมชาติ รวมถึงน้ำท่วม เป็นมาตรฐาน แต่รายละเอียดอาจแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกัน
ในส่วนประกันรถยนต์ชั้นอื่นๆ เช่น ชั้น 2+ หรือ 3+ บางบริษัทอาจเสนอความคุ้มครองน้ำท่วมเพิ่มเติมได้ แต่มักไม่ครอบคลุมเทียบเท่าประกันชั้น 1
ดังนั้น การตรวจสอบรายละเอียดกรมธรรม์อย่างละเอียดจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสมกับความต้องการและความเสี่ยงในพื้นที่
ขั้นตอนวิธีการเคลมประกัน
เมื่อรถยนต์ของคุณได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม และคุณมีประกันรถยนต์ ไม่ต้องตื่นตระหนก ให้ปฎิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อเคลมประกัน
- บันทึกหลักฐาน ถ่ายภาพรถขณะถูกน้ำท่วม โดยให้เห็นทะเบียนรถชัดเจน เพื่อยืนยันว่าเป็นรถคันที่ทำประกันไว้
- ติดต่อบริษัทประกัน โทรแจ้งบริษัทประกันเพื่อตรวจสอบประเภทกรมธรรม์ และรอการประสานงานเรื่องรถยกหรือรถลาก
- ตรวจสอบความเสียหาย นัดหมายกับเจ้าหน้าที่บริษัทประกันเพื่อประเมินความเสียหายและวางแผนการซ่อมแซม (บริษัทประกันจะรับผิดชอบค่ารถยกลากไม่เกิน 20% ของค่าซ่อม)
- ดำเนินการซ่อม เลือกอู่กลางที่สะดวกสำหรับทั้งคุณและเจ้าหน้าที่บริษัทประกัน เพื่อรับบริการซ่อมแซม
การปฎิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้กระบวนการเคลมประกันดำเนินไปอย่างราบรื่น อุ่นใจ หายห่วง
กรณีไม่มีหลักฐานจะทำไงดี?
หากไม่สามารถถ่ายภาพเป็นหลักฐานได้ในขณะเกิดเหตุน้ำท่วม คุณยังมีทางเลือกอื่นในการรวบรวมข้อมูลสำหรับการเคลมประกัน
- จดบันทึกรายละเอียดให้ได้มากที่สุด เช่น ประมาณระดับความสูงของน้ำท่วม, บันทึกเวลาที่เกิดเหตุการณ์อย่างแม่นยำ
- แจ้งความที่สถานทีตำรวจ ลงบันทึกประจำวันเกี่ยวกับเหตุการณ์น้ำท่วม, ขอสำเนาบันทึกประจำวันเพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการเคลม
จำนวนคนดู :
107