ที่ปัดน้ำฝน (Windshield Wipers) เป็นอุปกรณ์สำคัญที่หลายๆคนอาจมองข้าม แต่มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความปลอดภัยในการขับขึ่ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนตกในช่วงนี้ หรือสภาพแวดล้อมที่มีหมอกหนา การทำงานของที่ปัดน้ำฝนที่มีประสิทธิภาพช่วยให้กระจกหน้ารถสะอาดและให้ทัศนวิสัยที่ดีขึ้น ดังนั้นการเลือกใชัและดูแลที่ปัดนัำฝนจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
3 เหตุผล ทำไมที่ปัดน้ำฝนถึงสำคัญ?
- เพิ่มทัศน์วิสัยในการขับขี่ ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นถนนและสิ่งกีดขวางได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
- ลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ การมองเห็นที่ชัดเจนช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถตัดสินใจและตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
- ปกป้องกระจกหน้ารถ การปัดน้ำฝนอย่างสม่ำเสมอ ช่วยป้องกันไม่ให้กระจกหน้ารถเกิดรอยขีดข่วนจากฝุ่นละอองและสิ่งสกปรก
วิธีเลือกซื้อที่ปัดน้ำฝน
- เลือกขนาดให้เหมาะสม เลือกขนาดที่ปัดน้ำฝนให้ตรงกับขนาดของกระจกหน้ารถ
- เลือกวัสดุที่เหมาะสม พิจารณาถึงสภาพอากาศและการใช้งาน
- เลือกยี่ห้อที่มีคุณภาพ เลือกซื้อจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและอายุการใช้งาน
การดูแลรักษาที่ปัดน้ำฝน
- ทำความสะอาดยางปัดน้ำฝน ควรทำความสะอาดยางปัดน้ำฝนอย่างสม่ำเสมอ ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดที่ยางเพื่อขจัดสิ่งสกปรกและฝุ่นละออง
- ตรวจสอบสภาพของใบปัด สัมหรือลูบที่ใบปัดน้ำฝนเบาๆ หากรู้สึกสะดุดหรือมีความแข็งตัว แสดงว่ายางเริ่มเสื่อม สังเกตุเสียงขณะใช้งาน หากมีเสียงดังคล้ายกระจกถูกกรีดหรือปัดไม่สะอาด อาจบ่งบอกได้ว่าควรเปลี่ยนใบปัดได้แล้ว
- หลักเลี่ยงการยกก้านปัดน้ำฝน ห้ามยกก้านปัดน้ำฝนตั้งขึ้นเมื่อจอดตากแดด เพราะอาจทำให้สปริงเกิดอาการล้าและส่งผลต่อการทำงานของที่ปัดน้ำฝน
- ตรวจสอบกระจก สังเกตรอยขูดขีดบนกระจก หากมีรอยลึกมาก อาจต้องเปลี่ยนกระจกใหม่ เนื่องจากโครงเหล็กของใบปัดสามารถทำให้เกิดรอยได้
- เปลี่ยนใบปัดน้ำฝนตามระยะเวลา ควรเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนทุก 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งานและสภาพอากาศ เพื่อให้แน่ใจว่ามีประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน
การดูแลและเลือกใช้ปัดน้ำฝนที่เหมาะสมจะช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยในทุกสภาพอากาศ โดยเฉพาะในสภาวะที่ทัศนวิสัยจำกัด การตรวจสอบปัดน้ำฝนอย่างสม่ำเสมอและเปลี่ยนเมื่อจำเป็นจะช่วยให้กระจกหน้ารถสะอาดและชัดเจนทุกครั้งที่คุณใช้งาน
จำนวนคนดู : 232