7 วิธีเลือกประกันรถยนต์ให้ถูกต้อง [อ่านก่อนซื้อ]

Cover บทความ วิธีเลือกประกันรถยนต์

เลือกหัวข้อที่อยากอ่าน

การทำประกันรถยนต์ จะช่วยคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจาการใช้รถยนต์ได้ ซึ่งจะครอบคลุมทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวรถเอง รวมถึงชีวิตของบุคคลที่อยู่ในรถ และทรัพย์สินของบุคคลภายนอกด้วย 

ถ้าหากว่าคุณกำลังมีแผนจะทำ หรือต่อประกันรถยนต์ในช่วงนี้ มาดู 7 วิธีเลือกประกันรถยนต์ที่ต้องทำความเข้าใจก่อนซื้อ เพื่อช่วยให้คุณสามารถเลือกประกันรถยนต์ที่ถูกต้องและคุ้มค่ากับเบี้ยรายปีมากที่สุด

7 วิธีเลือกประกันรถยนต์ให้ถูกต้อง

ในการเลือกประกันรถยนต์ที่จะช่วยคุ้มครองให้กับตัวรถและผู้ร่วมเดินทาง จำเป็นจะต้องรู้ 7 วิธีเลือกประกันรถยนต์ให้ครบทุกข้อ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์คุณและรถที่คุณรักได้

1. ก่อนเลือกต้องรู้จักกับประเภทของประกันรถยนต์

สำหรับประกันภัยรถยนต์จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทนั่นคือ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ และ ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ โดยมีข้อแตกต่างกันดังนี้

ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ 

หรือที่รู้จักกันในชื่อ พ.ร.บ. รถยนต์ จะช่วยคุ้มครองบุคลลที่ได้รับผลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทั้งผู้เอาประกันและคู่กรณี โดยเป็นประกันรถยนต์แบบบังคับที่เจ้าของรถทุกคันจะต้องทำ ซึ่งมีผลต่อการต่อภาษีรถยนต์และการต่อทะเบียนรถยนต์รายปีด้วย หากรถยนต์คันไหนไม่มีจะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท 

สำหรับสิ่งที่ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ ให้ความคุ้มครองได้แก่

  • ค่ารักษาพยาบาล สูงสุด 80,000 บาท
  • กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวร 500,000 บาท ต่อคน
  • ค่าชดเชยรายวัน (เฉพาะผู้ป่วยใน ไม่เกิน 20 วัน) 200 บาท ต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 4,000 บาทต่อครั้ง

ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ

เป็นความคุ้มครองเพิ่มเติมจาก พ.ร.บ. รถยนต์ ซึ่งกฎหมายไม่ได้บังคับ แต่เมื่อเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดหรือเกินกว่าที่ พ.ร.บ. คุ้มครอง หากรถยนต์มีการทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจเอาไว้ ทางบริษัทประกันภัยจะเข้ามาช่วยรับผิดชอบความเสียหายให้กับคู่กรณี และอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลา รวมถึงให้ความคุ้มครองรถยนต์ของคุณที่มากขึ้นด้วย

2. ความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ

สำหรับความคุ้มครองของประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ สามารถทำเพิ่มเติมกับบริษัทประกันภัยโดยตรง หรือโบรกเกอร์ประกันภัย ซึ่งจะให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมที่เพิ่มความอุ่นใจให้กับการขับขี่รถยนต์มากขึ้นได้ 

โดยความคุ้มครองจะครอบคลุมไปถึงความเสียหายต่อรถยนต์ที่เอาประกันทั้ง รถไฟไหม้ ความเสียหายจากภัยธรรมชาติ รถสูญหายจากการถูกขโมย ไปจนถึงการรับผิดชอบต่อทรัพย์สินและตัวบุคคลภายนอกด้วย

ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจแบ่งการคุ้มครองออกเป็น แต่ละระดับเพื่อให้คุณสามารถเลือกรูปแบบการค้มครองที่ตอบโจทย์พร้อม กับเลือกค่าเบี้ยรายปีที่จ่ายไหว

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 (เริ่มต้นที่ 16,400 บาท)

ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ที่เอาประกัน ที่ครอบคลุมและมากที่สุดเมื่อเทียบกับประกันรถยนต์ประเภทอื่น ซึ่งได้แก่ 

รถชนกับรถ / รถชนแบบไม่มีคู่กรณี / ไฟไหม้ / รถสูญหายหรือถูกขโมย / ความเสียหายจากภัยธรรมชาติ / ความเสียหายต่อกระจก / รับผิดชอบชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ (เริ่มต้นที่ 7,300 บาท)

ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ที่เอาประกัน คล้ายกับประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 แต่ไม่ครอบคลุมในเรื่อง การชนแบบไม่มีคู่กรณี / ความเสียหายจากภัยธรรมชาติ / ความเสียหายต่อกระจก

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ (เริ่มต้นที่ 6,300 บาท)

ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ที่เอาประกัน น้อยกว่าประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 และ 2+ โดยคุ้มครองเฉพาะกรณีรถชนรถ และค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 (เริ่มต้นที่ 2,500 บาท)

เน้นให้ความคุ้มครองเฉพาะค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก

3. เลือกแผนประกันรถยนต์จากไลฟ์สไตล์การขับขี่

เลือกแผนประกันรถยนต์จากไลฟ์สไตล์การขับขี่

เมื่อได้รู้จักกับประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ พร้อมรูปแบบการคุ้มครองที่แตกต่างกันไปแล้ว ทีนี้มาลองเช็กกันดูว่าไลฟ์สไตล์ในการขับขี่ หรือความถี่บ่อยในการใช้รถของคุณเป็นอย่างไร เพื่อช่วยให้คุณเลือกรูปแบบการคุ้มครองที่ตรงจุดประสงค์มากที่สุด

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เหมาะกับ มือใหม่หัดขับ / รถที่ใช้งานทุกวัน / รถที่ขับออกต่างจังหวัดบ่อย หรือต้องวิ่งไกลๆ เป็นประจำ ทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จะอุ่นใจที่สุด เพราะให้ความคุ้มครองครอบคลุมที่สุดทั้งค่าเสียหาย ค่ารักษาพยาบาล รวมไปถึงเรื่องการชนแบบไม่มีคู่กรณีด้วย

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ เหมาะกับ คนที่ขับรถมานานแล้ว จะช่วยลดค่าเบี้ยต่อปีให้น้อยลง แต่ยังคุ้มครองความเสี่ยงอื่นๆ ได้ครอบคลุม

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ เหมาะกับ รถที่ไม่ได้ใช้งานบ่อย ไม่ได้ขับออกไปไกลๆ หรือเป็นรถที่มีอายุการใช้งานค่อนข้างมากแล้ว ก็ช่วยคุ้มครองในเรื่องอุบัติเหตุบนท้องถนนที่มีคู่กรณีได้

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 เหมาะกับ รถที่แทบไม่ได้ใช้งานเลย โดยอาจจะเป็นรถที่มีอายุการใช้งานมากแล้ว แต่ก็ควรมีประกันที่ช่วยให้ความอุ่นใจในราคาเบี้ยสบายๆ เมื่อใช้รถแล้วเกิดอุบัติเหตุ อย่างน้อยก็ช่วยคุ้มครองคู่กรณีได้ 

4. เลือกจากอายุการใช้งานของรถ

การทำประกันรถยนต์ภาคสมัครใจทุกประเภทนั้น สามารถทำได้กับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ปีแรกเลย นั่นหมายความว่า รถยนต์ใหม่ป้ายแดง ก็สามารถทำประกันรถยนต์ชั้น 1 เพื่อรับการคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด หรือจะเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 2+, 3+ หรือ 3 ก็ได้เพื่อภาระค่าใช้จ่ายเบี้ยประกันลง แต่ก็ต้องแลกกับความคุ้มครองที่ลดลงตามที่ประกันภัยกำหนด

ส่วนรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 1 ปี หรือรถยนต์มือสอง ก็สามารถทำประกันรถยนต์ได้ทุกประเภทเช่นเดียวกัน

รถอายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป ต่อประกันรถยนต์ชั้น 1 ได้อยู่ไหม?

เมื่ออายุการใช้งานของรถเข้าสู่ปีที่ 7 เจ้าของรถหลายคนก็คงจะสงสัยในเรื่องการต่อประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ว่า จะสามารถต่ออายุการรับประกันได้อีกหรือไม่?

คำตอบคือ หากรถของคุณยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แบบเต็มร้อย และยังเป็นรุ่นที่หาอะไหล่ หาอู่ซ่อมรถได้ง่าย รวมถึงมีประวัติการขับขี่ที่ดี มีการเคลมแบบไม่เกินจริง หรือไม่มีการเปลี่ยนบริษัทประกันรถยนต์บ่อยๆ ก็มีโอกาสกาสที่ประกันภัยอาจพิจารณาอนุโลมรับประกันให้กับรถยนต์ Honda ของคุณได้

5. เลือกเปรียบเทียบความคุ้มค่าก่อนซื้อ

การซื้อหรือต่อประกันภัยรถยนต์ในสมัยนี้สามารถทำได้ทั้งการซื้อใหม่กับที่อื่น หรือต่ออายุกับบริษัทเดิมก็ได้ ซึ่งวิธีการซื้อก็สามารถทำได้หลายรูปแบบทั้งการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร ผ่านบริษัทประกันโดยตรง หรือผ่านโบรกเกอร์ที่รวบรวมเอาประกันรถยนต์หลากหลายเจ้ามาให้ตัดสินใจเลือกในที่เดียว และยังมอบสิทธิพิเศษต่างๆ ให้กับคุณด้วย

โดยก่อนที่จะตัดสินใจซื้อในแต่ละครั้ง ให้คุณเปรียบเทียบรายละเอียดและราคาจากแหล่งต่างๆ ให้ครบถ้วนก่อน เพราะในบางครั้งคุณจะเจอว่าประกันคุ้มครองโดยบริษัทประกันที่เดียวกัน แต่อัตราเบี้ยประกันของแต่ละผู้ให้จำหน่ายอาจไม่เท่ากัน

นั่นเพราะว่าแต่ละแห่งจะมอบความคุ้มค่าเพิ่มเติมที่แตกต่างกัน ในรูปแบบของสิทธิพิเศษ หรือโปรโมชั่น เช่น บัตรเติมน้ำมัน, บริการรถยก 24 ชั่วโมง เป็นต้น 

6. เลือกบริษัทประกันที่มั่นคง และน่าเชื่อถือ

การเลือกบริษัทประกันความน่าเชื่อถือและความปลอดภัย จะช่วยให้คุณได้รับการบริการที่สะดวกรวดเร็ว บริการดี เคลมเร็ว รวมถึงมีบริการซ่อมทั้งแบบศูนย์และซ่อมอู่ที่ครอบคลุมในทุกพื้นที่ 

ซึ่งวิธีการเลือกบริษัทประกันรถยนต์ที่ง่ายที่สุด นั่นคือ การเลือกจากชื่อเสียงหรือการรีวิวบนเว็บไซต์ต่างๆ ของลูกค้ารายอื่นที่ใช้บริการมาก่อน จะช่วยให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้น

หรือถ้าเจอบริษัทประกันที่ไม่รู้จัก ก็สามารถตรวจสอบข้อมูลควมน่าเชื่อถือของบริษัทประกันได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) คลิก www.oic.or.th 

7. เลือกจากการให้บริการซื้อหรือต่อประกันที่สะดวก รวดเร็ว

อีกหนึ่งความสำคัญที่ต้องคำนึงถึงก่อนที่จะตัดสินใจซื้อประกันรถยนต์ นั่นคือความเร็วในการให้บริการ ที่จะมอบความสะดวกในการใช้บริการของคุณ หรือมีช่องทางการรับบริการที่สะดวกและสามารถทำได้จากที่บ้าน

เช่น มีระบบออนไลน์ที่ซื้อได้เลยผ่านหน้าเว็บไซต์ โดยสามารถดูข้อมูล รายละเอียด การเปรียบเทียบราคา และสั่งซื้อได้เลย หรือมีแอปพลิเคชันที่ซื้อ-ต่อ-เคลม และสามารถเรียกประกันเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้ในแอปเดียว 

สรุปท้ายบทความ

เมื่อได้รู้จักกับวิธีเลือกประกันรถยนต์แล้ว หากคุณกำลังมองหาประกันภัยรถยนต์ที่มีแผนการคุ้มครองจากบริษัทประกันชั้นนำมากมาย V Group Honda ก็มีบริการประกันภัยอุ่นใจ พร้อมให้คำปรึกษาด้านการเลือกประกันภัยรถยนต์ที่ให้ประโยชน์สูงสุด 

สนใจรับบริการด้านประกันภัยรถยนต์หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อเราได้จากทุกช่องทางเลยครับ